คอ และหลังของคนเราจะประกอบด้วยกระดูกสันหลังหลายๆ ข้อมาต่อกัน ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อจะมีอวัยวะชนิดหนึ่งคั่นอยู่ เรียกว่า หมอนรองกระดูก ซึ่งจะประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก
คือ วงรอบนอกจะมีลักษณะเป็นวงแหวนที่มีความหยุ่น เหนียว คล้ายยางรถยนต์ และใจกลางวงแหวนนี้จะมีลักษณะเป็นเหมือนเจลใสๆ ทั้งหมดมีหน้าที่รับแรงกระแทก และมีความยืดหยุ่นในตัว ทำให้เราเคลื่อนไหวกระดูกสันหลังได้ดีขึ้น
นอกจากพฤติกรรมใช้งานคอและหลังแบบผิดๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ ที่ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมแล้ว อายุที่มากขึ้นก็เป็นสาเหตุของหมอนรองกระดูกเสื่อมเช่นกัน เพราะภาวะนี้เป็นการเสื่อมตามธรรมชาติ เมื่ออายุเกิน 30 ปี โปรตีนที่อยู่ในเจลซึ่งอยู่ข้างในหมอนรองกระดูก รวมถึงวงแหวนรอบนอกจะเริ่มเสื่อม อีกทั้งยังสูญเสียความยืดหยุ่นและคุณสมบัติการรับแรงกระแทก ทำให้เวลาขยับตัว กระแทก หรือใช้งานมากๆ
จะทำให้วงแหวนที่อยู่รอบๆ เจลดังกล่าว ซึ่งทำหน้าที่ยึดระหว่างข้อต่อแต่ละข้อเปื่อยยุ่ยและฉีกขาดในที่สุด จนเนื้อของหมอนรองกระดูกเกิดการเคลื่อนไปข้างหลัง เบียดอวัยวะสำคัญที่คอ คือ ไขสันหลังที่ต่อมาจากสมอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย หรือเส้นประสาท
ถ้าหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือเคลื่อน จนทำให้ความแข็งแรงในการยึดกันของข้อกระดูกสันหลังลดลง ร่างกายจะพยายามสร้างหินปูน หรือสร้างเนื้อเยื่อโดยรอบข้อต่อให้หนาตัวมากยิ่งขึ้น จะยิ่งทำให้มีการกดทับช่องไขสันหลังมากขึ้น
ระยะแรกอาจแยกไม่ออกว่าอาการปวดคอนั้น เป็นอาการปวดทั่วๆ ไป หรือปวดเพราะหมอนรองกระดูกเสื่อม แต่สามารถสังเกตได้โดย ถ้าเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อจะมีอาการเมื่อใช้งาน พอได้พักอาการจะดีขึ้น แต่กรณีที่เป็นหมอนรองกระดูกเสื่อม แม้จะพักผ่อนแล้วอาการไม่ค่อยจะดีขึ้น ยังคงปวดต่อเนื่อง